โครงการ

เปิดเหตุผลการเดินหน้ากระชับความสัมพันธ์ไทย – ซาอุดิอาระเบีย

โดย ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบั.

สรุปเรื่อง “องค์ประกอบทางศิลปกรรมของชาวตะวันตกที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะมุสลิม” จากหนังสือ Stealing from the Saracens: How Islamic Architecture shaped Europe (2020) โดย Diana Darke

ชื่อหนังสือก็จับใจจนทำให้อยากซื้อทันทีโดยไม่ต้องดูสารบัญ Stealing from the Saracens แปลตรงตัวว่า “ขโมยมาจากหัวขโมย” คำว่า “ขโมย” ในที่นี้หมายถึงชาวตะวันตกและ “หัวขโมย” คือมุสลิม ผู้เขียนเลือกใช้ชื่อนี้เพื่อเสียดสีฝรั่งที่อ้างว่าตนไม่ได้เป็นหนี้อะไรจากอารยธรรมอิสลาม ทั้งที่ศิลปะตะวันตกยุคกลางฟ้องว่ามี DNA ของศิลปะมุสลิมอยู่ชัด

ชนชาวเติร์กกับพลังและโมเมนตัมที่ขับเคลื่อนประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 18

ชนชาวเติร์กในลักษณะชนเผ่าสร้างรัฐเล็กๆขึ้นในหลายพื้นที่ของเอเชียกลาง ทั้งสามารถสร้างจักรวรรดิใหญ่ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางขึ้นอย่างน้อยสองครั้งคือ “เซลจุก” (Seljuk ค.ศ.1037-1194) และ “ออตโตมัน” (Ottoman ค.ศ.1299-1922) หรือ “อุสมานียะฮฺ” จักรวรรดิเซลจุกอายุสั้นเพียงศตวรรษครึ่ง ขณะที่อุสมานียะฮฺมีอายุยาวนานกว่า 6 ศตวรรษ ทั้งสองจักรวรรดิเกี่ยวข้องกันโดยต่างเป็นชนเผ่าเติร์กเชื้อสายโอกุซ (Okhuz)

ชนชาวเติร์กกับพลังและโมเมนตัมที่ขับเคลื่อนประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 17

ตุรกีคือพื้นที่หลักของชนเชื้อสายเติร์กที่มีถิ่นฐานดั้งเดิมมาจากเอเชียกลาง การอพยพย้ายถิ่นของชาวเติร์กมายังอะนาโตเลียไม่ต่างจากคนยุโรปอพยพไปอเมริกาสักเท่าไหร่ ชาวเติร์กมีรกรากเดิมอยู่ในไซบีเรียตอนใต้ อพยพลงมาในพื้นที่เอเชียกลางตั้งแต่ยุคเริ่มประวัติศาสตร์ กระจายตัวสร้างอาณาจักรทั่วพื้นที่ ทว่าเติร์กส่วนมากเป็นชนเร่ร่อนเลี้ยงปศุสัตว์โยกย้ายถิ่นไปเรื่อย ชนเติร์กเมื่อเข้ารับอิสลามจึงง่ายต่อการโยกย้ายลงมาในพื้นที่ของเปอร์เซียตอนล่าง

ชนชาวเติร์กกับพลังและโมเมนตัมที่ขับเคลื่อนประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 16

อารยธรรมแสดงถึงความรุ่มรวยของแต่ละสังคมจะสร้างอารยธรรมได้สังคมต้องมีความสงบอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาพอควร การรักษาอารยธรรมไว้จำเป็นต้องมีกองทัพเข้มแข็ง เศรษฐกิจมั่นคง จีนคือตัวอย่างที่ดี ขณะที่ฮารัปปาและโมฮันโจดาโรอารยธรรมเก่าแก่ในปากีสถานหลายพันปีมาแล้วเพราะมีกองทัพอ่อนแอจึงสูญสิ้นชาติ

ชนชาวเติร์กกับพลังและโมเมนตัมที่ขับเคลื่อนประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 15

แผ่นดินจีนในศตวรรษที่ 3 เกิดยุคสามก๊กแย่งชิงแผ่นดินกันระหว่าง วุยก๊ก จ๊กก๊ก และง่อก๊ก สุดท้ายกลายเป็นสุมาอี้ขุนศึกของวุยก๊กพร้อมลูกหลานคว้าชิ้นปลามันไปกิน ในเอเชียกลางช่วงศตวรรษที่ 9-11 เกิดสามก๊กฉบับเติร์กขึ้นเช่นกันระหว่างรัฐเติร์ก-เปอร์เซีย

ชนชาวเติร์กกับพลังและโมเมนตัมที่ขับเคลื่อนประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 14

เขียนโดย รองศาสตราจารย์ ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูน.

ชนชาวเติร์กกับพลังและโมเมนตัมที่ขับเคลื่อนประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 13

ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 8 อาหรับจากอาระเบียนำอิสลามเผยแผ่เข้าไปในเอเชียกลางที่ในเวลานั้นรัฐธิเบตกับชนเผ่าเติร์กในเอเชียกลางกำลังร่วมมือกันต่อสู้กับการแผ่อำนาจของจีนราชวงศ์ถัง จึงขอความร่วมมือมายังราชวงศ์อุมัยยะฮฺนำไปสู่สงครามระหว่างพันธมิตรสามฝ่าย ธิเบต-เติร์ก-อาหรับกับจีนใน ค.ศ.717 เกิดการศึกแห่งอักซู (Battle of Aksu)

ชนชาวเติร์กกับพลังและโมเมนตัมที่ขับเคลื่อนประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 12

ตอนที่แล้วกล่าวถึงชนชาวเติร์ก บางเผ่าที่เข้าไปสร้างราชวงศ์ปกครองบางส่วนของแผ่นดินจีน ความที่อาศัยอยู่กับราชวงศ์จีน กระทั่งเปลี่ยนบุคลิก วัฒนธรรมภาษาพูดเป็นจีน ภายหลังจึงแปลงสภาพเป็นจีนไปจนหมด มีบ้างเช่นกันที่ชนชาวจีนหรือมองโกลเข้ามาซึมซับวัฒนธรรมเติร์ก เปลี่ยนความเป็นอยู่ เปลี่ยนการแต่งกายแม้กระทั่งภาษาพูดจนกลายเป็นชาวเติร์กไปในที่สุดอันแสดงให้เห็นถึงความผสมกลมกลืนกันระหว่างเติร์กกับชนกลุ่มอื่น

ชนชาวเติร์กกับพลังและโมเมนตัมที่ขับเคลื่อนประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 11

เติร์ก (Turk) เป็นชนเผ่าโบราณตั้งรกรากอยู่ในเอเชียกลางและเอเชียเหนือประกอบไปด้วยชนเผ่าเล็กๆมากมายนับร้อยเผ่า มีเลือดเนื้อเชื้อไขผสมปนเปกันในกลุ่มชนหลายกลุ่มที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แถบนั้น ความที่เป็นกลุ่มชนเร่ร่อนเลี้ยงปศุสัตว์ สร้างวัฒนธรรมขึ้นได้ระดับหนึ่งที่ยังไม่พัฒนาถึงขั้นอารยธรรม