ฮาเกียโซเฟียกับจิตรกรรมโมเสกอันทรงคุณค่า

ฮาเกียโซเฟียกับจิตรกรรมโมเสกอันทรงคุณค่า

เขียนโดย ดร.วสมน สาณะเสน

หลังจากที่ศาลสูงสุดของตุรกีได้มีคำตัดสินให้ฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia) เปลี่ยนสถานภาพจากพิพิธภัณฑ์เป็นมัสยิดเมื่อวันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมา ก็ทำให้หลายฝ่ายเกิดความสนใจเรื่องราวในทุกแง่มุมของสถานที่ที่มีความสำคัญและสวยงามแห่งนี้ โดยเฉพาะเรื่องจิตรกรรมในสถาปัตยกรรมที่อยู่ข้างในฮาเกียโซเฟีย ศูนย์มุสลิมศึกษาจึงขอเชิญท่านผู้อ่านได้สัมผัสความงามของโมเสกในมหาวิหารปัญญาแห่งพระเจ้าหลังนี้ไปด้วยกันจากผู้เชี่ยวชาญที่กำลังศึกษาปริญญาเอกอยู่ในตุรกี

มหาวิหารฮาเกียโซเฟียถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 360 ต่อมาเกิดการจลาจลทำให้อาคารเสียหาย จึงถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 415 ต่อมาในปี ค.ศ. 532 เกิดจลาจลขึ้นอีก อาคารถูกสร้างใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ. 537 คือหลังที่เห็นในปัจจุบัน ภายในอาคารประดับด้วยงานโมเสกซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะไบแซนไทน์ในสมัยนั้น เมื่อแรกสร้างยังไม่มีภาพบุคคล มีเพียงรูปไม้กางเขน, ตราพระราชลัญจกร, ลายพรรณพฤกษา, ลายเรขาคณิต และลวดลายอื่นๆ ที่เป็นลายนามธรรม รูปบุคคลที่เห็นในปัจจุบันเป็นงานที่ทำขึ้นระหว่างช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9-13

โมเสกภายในฮาเกียโซเฟียถือเป็นหนึ่งในจิตรกรรมโมเสกยุคไบแซนไทน์ที่งดงามที่สุดในโลกเท่าที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน สะท้อนถึงอิทธิพลของศิลปะยุคคลาสสิกในงานของอาณาจักรโรมันตะวันออก เห็นได้จากการพยายามถ่ายทอดความเหมือนจริงด้วยการเรียงชิ้นโมเสกสีต่างๆ แบบไล่สีเพื่อสร้างน้ำหนักของแสงและเงา ทำให้ภาพดูมิติ ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อบนใบหน้า เส้นผม และรอยยับของเครื่องแต่งกายที่แสดงให้เห็นถึงท่าทางของส่วนต่างๆ ของร่างกายภายใต้ผืนผ้า อย่างไรก็ตามบรรดาชนชั้นปกครองของไบแซนไทน์มิได้ทำภาพเหล่านี้ขึ้นเพื่อเสริมความงามแก่ตัวอาคารหรือถวายเป็นคริสตบูชาเท่านั้น หากแต่ยังทำขึ้นเพื่อและแสดงถึงอำนาจของตนอีกด้วย เห็นได้จากการที่บรรดาจักรพรรดิสามารถอยู่ร่วมฉากกับพระเยซูและแม่พระ ทั้งยังถูกวาดให้มีรัศมีรอบพระเศียรเช่นเดียวกับภาพของนักบุญต่างๆ

ตัวอย่างจิตรกรรมโมเสกในฮาเกียโซเฟียที่น่าสนใจ ได้แก่

1. ภาพจักรพรรดิเลโอที่ 6 คารวะพระเยซู ภาพนี้ประดับอยู่เหนือประตูทางเข้าของจักรพรรดิ ในภาพ จักรพรรดิเลโอที่ 6 กำลังก้มกราบเพื่อขออภัยโทษจากพระเยซูในเรื่องที่พระองค์อภิเษกสมรสใหม่ถึงสามครั้งเพื่อต้องการโอรสสืบบัลลังก์ ทางขวาของพระเยซูมีรูปพระแม่มารีในกรอบรูปวงกลม ยกหัตถ์วิงวอนให้พระบุตรทรงเมตตาแก่เลโอ ส่วนในวงกลมทางซ้ายเป็นภาพของอัครเทวดากาเบรียลที่ทำผมและแต่งกายอย่างชาวโรมัน

2. ภาพพระแม่มารีอุ้มพระบุตร ปรากฏอยู่ใต้ผิวโดมทางทิศตะวันตก เหนือแท่นบูชา (ปัจจุบันแท่นบูชาถูกแทนด้วยเมี๊ยะหร็อบหรือซุ้มชุมทิศสำหรับละหมาด) เป็นภาพของพระนางมารีอุ้มพระบุตรประทับบนบัลลังก์ พื้นสีทองด้านหลังช่วยขับฉลองพระองค์สีดำของพระแม่ คู่สีทั้งสองสร้างบรรยากาศอันชวนขรึมขลัง รูปของแม่พระที่อยู่เหนือเมี๊ยะหร็อบของมุสลิมก็สะท้อนฐานะของฮาเกียโซเฟียทีเป็นจุดบรรจบของสองวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี

3. ภาพเซราฟิม ตกแต่งอยู่ที่พื้นที่สามเหลี่ยมที่เรียกว่า pendentive เป็นจุดถ่ายน้ำหนักจากโดมลงสู่ผนัง เซราฟิมคือเทวดาผู้พิทักษ์บัลลังก์ของพระเจ้า ในศิลปะไบแซนไทน์มักทำภาพเทวดาองค์นี้เป็นรูปใบหน้าคนล้อมด้วยปีก 4-6 ปีก ตำแหน่งของเซราฟิมที่อยู่ล้อมรอบโดมนั้นเปรียบเหมือนเทวดาองค์นี้กำลังค้ำจุนบัลลังก์และชั้นฟ้าที่ประทับของพระเจ้า ภายหลังในปี ค.ศ. 1603 ใบหน้าของเซราฟิมถูกปิดทับด้วยรูปดาว

4. ภาพการพิพากษาครั้งสุดท้าย (Deesis) พบที่ผนังชั้นสองของอาคาร เป็นภาพที่มีความสำคัญที่สุดในฮาเกียโซเฟีย เพราะเป็นภาพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ยังหลงเหลืออยู่ในอาคาร และเป็นภาพฉากสำคัญคือฉากการพิพากษาครั้งสุดท้าย ประกอบด้วยพระเยซูเป็นประธานอยู่ตรงกลางภาพ ขนาบด้วยพระแม่มารีและนักบุญจอห์นผู้ไถ่ ดวงตาของพระเยซูในภาพนี้มีมนต์สะกดยิ่ง เพราะดวงเนตรของพระองค์มองตรงมาที่ผู้ชม และไม่ว่าจะมองจากมุมไหน สายตาของท่านก็ยังจับจ้องอยู่ ราวกับจะสื่อว่าทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนอยู่ในสายพระเนตรและพระฤทธานุภาพของพระเยซู ส่วนภาพของแม่พระและนักบุญจอห์นผู้ล้างที่โน้มกายลงพร้อมดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความเศร้า ก็เหมือนทั้งสองกำลังวอนขอความเมตตาจากพระเยซูให้ลดบาปแก่มนุษย์ ภาพพระแม่มารีในฉาก Deesis นี้ยังน่าจะเป็นต้นแบบให้แก่ศิลปินเรอเนซองส์ในยุคต้นอีกด้วย เช่นภาพพระแม่มารีของดุชชิโอที่มหาวิหารแห่งซิเอนา

5. ภาพพระนางโซเอ้ ภาพนี้อยู่ที่ผนังชั้นสองของอาคารเช่นเดียวกัน เป็นภาพพระเยซูประทับนั่ง ถือพระคัมภีร์ ทางซ้ายของพระองค์คือพระนางโซเอ้ที่ถือเอกสารแสดงการบริจาคของพระนางนำมาถวายแก่พระเยซู ส่วนทางขวาคือสวามีคนที่สามของโซเอ้ ภาพนี้โดดเด่นด้วยโมเสกที่เรียงเป็นรูปอัญมณีและลวดลายบนฉลองพระองค์ของสองกษัตริย์ได้อย่างงดงาม

6. ภาพจักรพรรดิถวายโบสถ์และเมืองแก่พระแม่มารี พบที่ช่องโค้งเหนือประตูทางทิศใต้ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นช่องทางออกสำหรับนักท่องเที่ยว เป็นภาพของพระแม่มารีอุ้มพระบุตร ขนาบด้วยจักรพรรดิสองพระองค์ ทางขวาของแม่พระคือจักรพรรดิจัสติเนียนถือโมเดลย่อส่วนของฮาเกียโซเฟีย ส่วนทางซ้ายมือคือจักรพรรดิคอนสแตนตินถือโมเดลย่อส่วนของกรุงคอนสแตนติโนเปิล ทั้งสองถวายเมืองและมหาวิหารแก่แม่พระเพื่อขอให้พระนางทรงอุปถัมภ์และประทานพรแก่บ้านเมือง

หลังจากการพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิลในปี ค.ศ. 1453 พร้อมกับการเปลี่ยนมหาวิหารปัญญาแห่งนี้เป็นมัสยิด สุลต่านออตโตมันก็มิได้ทำลายรูปบุคคลที่ประดับในอาคารเสียทั้งหมด เพียงแต่โปรดฯ ให้ทาปูนปิดทับภาพที่อยู่ในตำแหน่งที่เห็นชัดจนรบกวนการละหมาดเท่านั้น โมเสกบางส่วนอย่างที่ใต้ผิวโดมยังคงไว้ รูปบุคคลภายในฮาเกียโซเฟียเพิ่งจะถูกปิดทับทั้งหมดเมื่อ 173 ปีที่แล้วนี้เอง ลองจินตนาการดูว่าในสมัยออตโตมัน ภายในมัสยิดฮาเกียโซเฟียมีผู้ยืนละหมาดอยู่ภายใต้ภาพของพระแม่มารีและพระเยซูจะเป็นภาพที่น่าอัศจรรย์เพียงใดที่สองความเชื่อแต่ร่วมรากเดียวกันมาบรรจบอยู่ใต้หลังคาของปัญญาแห่งพระเจ้าแห่งนี้ !

ด้วยอายุเกือบหนึ่งพันห้าร้อยปีทำให้ฮาเกียโซเฟียผ่านการบูรณะหลายครั้ง การบูรณะที่ส่งผลให้เกิดการปิดภาพโมเสกในอาคารทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1847 สุลต่านอับดุลเมจิดทรงว่าจ้างช่างชาวอิตาลีมาซ่อมแซมฮาเกียโซเฟีย ระหว่างการทำงานช่างได้ค้นพบจิตรกรรมโมเสกในอาคารอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อแสดงถึงความเคร่งครัดในศาสนาของออตโตมันและเพื่อให้อาคารเหมาะสมที่จะเป็นมัสยิดที่มิควรมีรูปเคารพของศาสนาอื่น สุลต่านจึงโปรดฯ ให้โบกปูนปิดรูปเหล่านั้นทั้งหมดแล้ววาดลายนามธรรมทับลงไป ภายหลังเมื่อมีการซ่อมแซมฮาเกียโซเฟียในยุคของอะตาเติร์ก โมเสกเหล่านี้จึงได้ถูกเปิดสู่สายตาชาวโลกอีกครั้ง พร้อมกับตำแหน่งใหม่ของวิหารปัญญาแห่งพระเจ้านี้ในฐานะพิพิธภัณฑ์ ตามมติของรัฐบาลในปี ค.ศ. 1935

ก้าวต่อไปของ “มัสยิดฮาเกียโซเฟีย” ที่กำเนิดขึ้นใหม่อีกครั้งในปี 2020 และจิตรกรรมภายในอาคารจะเป็นอย่างไรเป็นสิ่งที่น่าจับตามอง แต่ไม่ว่าจะถูกเปลี่ยนสถานภาพไปอย่างไร สถาปัตยกรรมแห่งนี้ก็ยังคงเป็นขุมคลังแห่งแรงบันดาลใจของผู้คนทั่วโลกอยู่ไม่เสื่อมคลาย


อ้างอิงจาก: หนังสือ İstanbul’un 100 Camisi (2016) โดย Berica N. Berberoğlu และ Mihriban Miroğlu, Khan Academy และ hagiasophiaturkey.com

ภาพประกอบจาก: ผู้เขียน และ hagiasophiaturkey.com